ผู้ให้สัมภาษณ์
คุณเบ๊นซ์ : ออฟฟิตของผม จริงๆแล้วมีพนักงานประมาณ 10 ถึง 20 คนครับ ส่วนใหญ่ปกติงานของพวกผมก็จะไม่ค่อยได้เข้าออฟฟิตกันอยู่แล้ว ส่วนใหญ่ก็คือจะ WFH กันเป็นหลัก เพราะว่าต้อง Deal งานกับต่างประเทศ พอบางทีเข้าออฟฟิตก็เหมือนทำงานคนเดียวเหมือนเดิมเพราะว่าเพื่อนร่วมงานส่วนใหญ่ทำอยู่ที่ต่างประเทศหมดเลย
คุณเบ๊นซ์ : งานที่พวกผมทำอยู่ตอนนี้ หลักๆเลยเราทำเกี่ยวกับอุตสาหกรรมกระดาษ จะเป็นงานในส่วนของเซลล์เป็นหลักครับ คือ บริษัท Voith ที่ทำอยู่ปัจจุบันเป็น Hub ที่อยู่ในเมืองไทย ซึ่ง Hub หลักจะอยู่ที่ อินโดนีเซีย และ Hub ที่ใหญ่กว่าจะอยู่ที่จีน ทำงานร่วมกับกลุ่ม Hub ในอาเซี่ยนที่คอยซัพพอร์ตเรา อาจจะเป็น ญี่ปุ่น, อินโดนีเซีย หรือจีน เป็นต้นขึ้นอยู่กับเนื้องานครับ
คุณเบ๊นซ์ : แรกๆ ยากครับ ก็จะมีปัญหาเรื่อง Culture ที่แตกต่าง คือแต่ละประเทศก็จะมีสไตล์การทำงานไม่เหมือนกัน บางครั้งเรา อาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมเขาทำแบบนี้ แต่ว่าที่คุ้นเคยที่สุดก็น่าจะเป็นคนญี่ปุ่น เพราะว่าถ้าได้ Deal กับคนญี่ปุ่นก็คือ คนญี่ปุ่น กับ คนไทย ก็เหมือนมีที่เรียกว่า มีความถ้อยที ถ้อยอาศัยกันมากกว่า แล้วผมก็มีประสบการณ์และคุ้นเคยกับการทำงานกับคนญี่ปุ่นมาก่อน ก็เลยง่ายกว่าสไตล์ของประเทศอื่นๆครับ
คุณเบ๊นซ์ : เทรนนิ่งปกติเคย แต่ออนไลน์นี่ครั้งแรกเลยครับ เพราะก่อนหน้านี้คือผมเวลาไปไหนก็จะเทรนนิ่งแบบ Face to face ตลอด หรือไม่ก็เป็น Internal Training ซะมากกว่า และเคยอบรมในรูปแบบ e-Learning แบบระบบที่ให้เราเข้าไป Access ในเว็บไซต์ของเขา และก็ให้ไปเรียน ซึ่งมันก็เหมือนอารมณ์เรียนกวดวิชาสมัยก่อน ก็คือมีวีดีโอขึ้นมาและเราก็นั่งจด ถ้าเราไม่เข้าใจเราก็กรอกลับ
คุณเบ๊นซ์ : คิดว่าน่าจะไม่เหมือนแบบที่ Workshop กันตัวต่อตัว แต่พอได้ลองจริงๆผมรู้สึกมันโฟกัสได้มากกว่าตอนอบรมแบบ Face to face เพราะว่ามันไม่ได้มองอะไรเลยนอกจากจออย่างเดียว และก็ผมรู้สึกว่ามันควบคุมเวลาได้ง่ายกว่า ผมคิดว่ามันก็คือข้อที่แตกต่าง แต่สุดท้ายแล้วผมก็ยังคิดว่ามันก็ยังทดแทนการพูดคุยแบบตัวต่อตัวไม่ได้ ผมก็คิดว่ามันทดแทนกันได้ในเรื่องอื่น ซึ่งมันก็ดีเสีย ไม่เท่ากัน
ข้อดีอย่างอื่นหลังจากที่เราเรียนออนไลน์ไปแล้ว ผมมองว่ามันน่าจะเป็นส่วนของเนื้อหาครับ คือเวลาที่เราเรียนข้างนอกอาจจะดีที่ว่าเราได้เห็นหน้าค่าตากัน แต่ว่าเรื่องของการโฟกัสในเนื้อหาการเทรนนิ่งมันอาจจะไม่ได้เข้มข้น หรือเราอาจจะมีคุยเล่นกับเพื่อน หรือมองโน่นนี่อย่างอื่นรอบตัวเรา
แต่ว่าพอมาได้เรียนแบบออนไลน์ แล้วผมทำงานอยู่ที่บ้าน ผมใช้คอม 2 จออยู่แล้ว เปิดกล้องสอนไว้จอหนึ่ง เปิดสไลด์ที่คุณส่งมาอีกจอหนึ่ง มันเหมือนมันโฟกัสเนื้อหาได้มากกว่า แล้วผมก็รู้สึกว่าการเรียนออนไลน์คือเหมือนเราไม่ต้องแย่งกันพูด คือพอถึงตาเราพูดก็พูด ถึงตาเราฟังเราก็ฟัง แบบนี้ผมมองว่ามันง่ายกว่าและมันจัดการได้ง่ายกว่า กับการที่เรียนเป็นกรุ๊ปใหญ่ๆ ที่อาจมีการแย่งกันพูดบ้าง เสียงดังโวยวาย ซึ่งเป็นเรื่องปกติ สำหรับผมคิดว่าเรียนออนไลน์แบบนี้ก็ดีกว่าเหมือนกัน
ในส่วนของการทำ Workshop ตอนแรกผมคิดว่าเราจะแบ่งกันยังไง? สรุปผมก็เพิ่งรู้ว่า Zoom ก็แบ่งแบบนี้ (Breakout function) ได้ด้วย ผมก็เลยคิดว่า ถ้างั้นก็ไม่ต่างกันเลยกับการเทรนนิ่งปกติ ประมาณนั้นครับ
คุณเบ๊นซ์ : จุดเด่นผมคิดว่าน่าจะเป็นที่เนื้อหาและการได้ฝึกฝน ผมมองว่าจริงๆแล้วเรื่องที่อบรมเป็นอะไรที่รู้กันอยู่รอบตัวเรา แต่อาจจะไม่เคยมีโอกาสได้ใช้มันจริงๆ ซึ่งผมมองว่าการที่ได้ลองทำจริง แล้วทาง HRI ได้ให้เราลองทำ ในช่วง Workshop แล้วมีเวลาช่วง Discuss กันแบบนี้ ผมมองว่ามันได้ฝึก และยิ่งมันเป็นการฝึกประชุมผ่านกล้อง ได้ฝึกสมาธิอยู่กับตัวเอง ผมก็เลยมองว่ามันเป็นการฝึกที่ค่อนข้างที่จะมีประโยชน์
คือเหมือนได้นำไปใช้จริง ได้ทดลองจริง อย่างบางที่อาจจะเหมือนแค่ว่า บรรยายไป พูดไป เข้าใจหรือไม่เข้าใจอาจจะยังไม่ชัวร์ แต่พอเราได้ลองจริงๆ มันสามารถเห็นภาพได้ชัดเจนกว่า
คุณเบ๊นซ์ : ผมชอบเพราะว่ามันสงบดีครับ ข้อดีคือมันไม่ต้องไปไหน เราอยู่ตรงนี้ได้เลย และผมมองว่ามันสะดวก ที่ชอบที่สุดคือมันได้โฟกัส มันสงบมากๆ และก็พอเวลาทำ Workshop ที่ Break out discussion room มันทำให้ผมมีเวลาได้ถกกับเพื่อนๆในกลุ่ม ทุกคนก็จะมีเวลาเตรียมการพูดหรือ Worksheet ของตัวเอง ผมคิดว่าการเรียนออนไลน์แบบนี้ทำให้เกิดการตอบโต้กันได้ค่อนข้างไว ผมชอบแบบนี้มากกว่า
ยกตัวอย่างในคอร์ส Presentation skill ซึ่งเราต้องมีการเตรียมทำ PowerPoint กันจริงๆเพื่อนำเสนอ ทุกคนมีโอกาสได้ทำสไลด์ ทำเดี๋ยวนั้นเลย ผมคิดว่ามันเป็นอะไรที่ถ้าเราเทรนนิ่งแบบ Face to face เราจะทำแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด ทุกอย่างจะเป็นแค่การยกประเด็นมาคุยกันซะส่วนใหญ่ แต่ตอนนี้คือมันมีโปรแกรม เราก็เอาภาพจากในคอมมาคุยกันแบบนี้ ผมคิดว่ามันก็ดีนะครับ
คุณเบ๊นซ์ : ผมคิดว่ามันไม่สามารถเห็นตากันตรงๆได้ คือพอมันไม่สามารถที่จะมอง Eye contact มันหายไปเลย ซึ่งผมมองว่าอันนี้มันเป็นอะไรที่ทดแทนกันไม่ได้
คุณเบ๊นซ์ : อย่างตอนนี้คือ เซลล์หลายๆคนเจอปัญหาแบบผมคือ หาลูกค้าไม่ได้ เดินทางไม่ได้ เพราะถูกห้ามเดินทางถูกไหมครับ แต่แล้วเขาก็เปลี่ยนให้มาประชุมออนไลน์ อย่างเช่นตอนนี้เราจะนัดยังไงให้โดนใจลูกค้า หรือว่านัดคุยยังไงให้ลูกค้า Accept เรามากขึ้น เพราะว่าตอนนี้ลูกค้าหลายๆที่คือ ถ้าไม่ใช่เรื่องใหญ่ ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญ เขาก็จะมีความรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้อง Meeting ออนไลน์ โทรเอาก็ได้สิ อะไรอย่างนี้ ซึ่งตอนโทรเอามันก็ ความสำคัญ หรือว่าความโฟกัสของลูกค้ามันก็จะลดลง ซึ่งอยากจะทำให้ได้เหมือนเมื่อก่อน อยากเรียนว่าควรมี Way of communication ยังไงให้ยังสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าได้
คุณเบ๊นซ์ : ถ้าพูดถึงสถานการณ์ในตอนนี้ คิดว่าออนไลน์ก็ยังเป็นทางออกที่น่าสนใจอยู่ครับ ถ้าสมมุติไปเจอกันตัวต่อตัวแล้วต้องคุยกันใส่หน้ากากอยู่ดี ผมคิดว่ามันก็ไม่สนุก คือยังคงต้องระวังตัวกัน ถ้าสมมุติว่าเราคุยกันผ่านออนไลน์อย่างนี้ มันก็น่าจะง่ายกว่า อีกอย่าง พอลองได้ใช้ Zoom ดูก็รู้ว่ามันมี Function ดีๆหลายอย่างที่เหมาะกับการเรียนออนไลน์ เช่น สามารถ Break Out ได้ สามารถมีบอร์ดให้เขียนเล่นได้ มันก็เป็นอะไรที่ แปลกใหม่ดี สนุกดีครับ แล้วผมคิดว่ามันน่าจะแก้ปัญหาของใครหลายๆคนได้
วันนี้เราก็ได้ทราบถึงข้อมูลดีๆจากประสบการณ์ตรงของผู้ที่ผ่านคอร์สอบรมกับ HRI Thailand
ท่านไหนสนใจทดลองอบรมออนไลน์กับทางเรา สามารถเช็ครายละเอียดและตารางอบรมเพิ่มเติมได้ที่ คลิก
159/37 อาคารเสริมมิตรทาวเวอร์ ชั้นที่ 23
เลขประจำตัวผู้เสียภาษี : 0105562173254
Copyright © 2024 HRI (Thailand) Co.,Ltd. All rights reserved.
เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
ยอมรับทั้งหมด