บริษัท NICHIBAN (ประเทศไทย) จำกัด

องค์กรใหม่กับการใส่ใจการฝึกอบรม

NICHIBAN
THAILAND

Contents Introduction

Ms.Napat Ngoenwiboon 

(Lee)

General Affair & Personnel Supervisor

NICHIBAN (THAILAND) CO.,LTD.

Suphachai Pattanawihok

(Boy)

Senior Consultant

HRI (Thailand) Co.,Ltd.

        สำหรับองค์กรใหม่หรือบริษัทที่เพิ่งก่อตั้งได้ไม่นาน ไม่ว่าจะเป็นด้านบุคคลากรในการทำงาน รวมไปถึงการทำงานอาจยังไม่มีรูปแบบที่ชัดเจน การฝึกอบรมเหมือนเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยในการปรับให้ทุกคนมีความรู้ความเข้าใจ สามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เพื่อเพิ่มความรู้และทักษะ ได้ตามวัตถุประสงค์ และเป็นไปในทิศทางเดียวกันได้

        บริษัท NICHIBAN (ประเทศไทย) จำกัด ถือเป็นอีกหนึ่งบริษัท ที่เปิดทำการในไทยได้ประมาณ 3-4 ปี แต่ให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความรู้และพัฒนาทักษะ ผ่านการอบรม ในหลายๆด้าน  ไม่ว่าจะเป็นด้านทักษะเพื่อการทำงาน และการพัฒนา mindset ผ่านคอร์สการอบรมกับทาง HRI Thailand ในช่วงเดือนตุลาคมปี 2020 โดยมีคอร์ส  Logical Thinking , Problem solving , Motivation-up , Logical Communication

        ซึ่งทางบริษัท NICHIBAN ได้มีโอกาสฝึกอบรมในหลากหลายรูปแบบ ทั้ง Public training, Online training, In-house training และที่กำลังจะเกิดขึ้นล่าสุดกับ เราคือ Time management 

      โดยเราได้พูดคุยกับคุณหลี เกี่ยวกับความรู้สึกที่ได้เข้าร่วมอบรมกับเรา ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2021 ที่ผ่านมา…

(จากซ้าย) คุณณภัทร บริษัท นิจับัน และ บอย HRI Thailand

Boy : องค์กรของคุณเผชิญกับความท้าทายอะไรบ้างก่อนการฝึกอบรม​

Lee: ขอแบ่งออกเป็น 2 ส่วนนะคะ หนึ่งในเรื่องของ Soft Skill ทั่วๆไป ซึ่งคิดว่าทุกคนน่าจะต้องมีและพัฒนาไปด้วยกันได้ ยกตัวอย่างเช่น เรื่องของการ Communication, Time management เป็นต้น อีกส่วนหนึ่งคือ ทักษะเฉพาะด้านของแต่ละแผนก เช่น เรื่องของบัญชี ต้องมีการอบรมเสริมในเรื่องของความรู้เฉพาะด้าน หรือแผนก Import-export ก็ควรมีทักษะเสริมเพื่อซัพพอร์ตในสิ่งที่เราทำอยู่

Boy: ที่ผ่านมา ทาง NICHIBAN ได้มีการอบรมคอร์ส อะไรกับ ทาง HRI ไปแล้วบ้างครับ?

Lee : ปลายปีที่แล้วเป็นเรื่องของ Logical Communication ซึ่งเหตุผลที่เข้าร่วมคอร์สนี้น่าจะเพราะว่าเรามีปัญหาเรื่องของการสื่อสาร ก็เลยนำการอบรมนี้มาศึกษาเพื่อให้เข้าใจทิศทางในการสื่อสารกันมากขึ้น เพราะการสื่อสารจะไม่ใช่แค่ระดับเพื่อน แต่เป็นระดับธุรกิจ

Boy: แล้วการสื่อสารที่ว่ามีปัญหา เป็นการสื่อสารระหว่างภายในหรือกับลูกค้าด้วยครับ?

Lee : กับทางลูกค้าอาจจะมีปัญหาบ้าง แต่หลักๆเลยคือปัญหาภายในมากกว่า คือบางครั้งคนในระดับเดียวกันแต่ทำงานกันคนละแผนก รวมไปถึง ระดับผู้บริหารกับระดับปฎิบัติการ การพูดสั้นๆไม่ลงรายละเอียดให้เข้าใจ อาจจะทำให้สับสนกันไปได้ และทำให้เกิดปัญหาได้

Boy: ถ้าพูดถึงทัศนะคติในการทำงาน ก่อนและหลังการอบรมมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใดบ้างครับ?

Lee : เปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นมากค่ะ คือเราจะพยายามมองเห็นซึ่งกันและกันมากขึ้น ทำให้เราเข้าใจมุมมองของฝ่ายตรงข้ามมากขึ้นด้วย ว่าเขาคิดอะไรยังไง เพราะอะไร ก็มีเหตุผลในแบบของเขา มันทำให้จูนกันได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ต่างฝ่ายต่างเข้าใจและยอมรับ

Boy: หลังจากนี้คุณหลีมีแนวทางในการพัฒนาเรื่องการสื่อสารให้ดีขึ้นและแนวทางการติดตามอย่างไรบ้าง?

Lee : อย่างแรกเลยที่เห็นได้คือปัญหาที่เกิดขึ้นมันน้อยลง มีการพยายามเข้าใจวัฒนธรรมการสื่อสารสไตล์ญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้น เช่น การส่งอีเมลในช่วงหลังๆ พนักงานก็จะมีการใช้รูแปบบเดียวกันในการส่งเพื่อให้ทุกฝ่ายเข้าใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้น การคิดและการตัดสินใจก็มีเหตุผลมากขึ้นเข้ามาอธิบาย ทำให้เข้าใจกันได้มากยิ่งขึ้น

Boy: ทำไมถึงเลือกอบรมกับ HRI มีจุดแข็งหรือข้อแตกต่าง อะไรที่ทำให้คุณเลือกเรา?

Lee : หลักๆเลยของ HRI คือก่อนเริ่มเรียนจะมีการเข้ามาสัมภาษณ์กับพนักงานและพูดคุยในภาพรวมกับบริษัท เพื่อจะได้เข้าใจว่าทางแผนกไหนติดปัญหาอะไรหรืออยากจะให้เสริมในเรื่องไหนบ้าง ทำให้แนวคิดในการอบรม หรือตัวอย่างที่นำมาสอนเป็นเนื้อหาที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์จริง แล้วพอเรารู้ปัญหา ก็มาช่วยกันหาวิธีการแก้ไขแล้วเรานำมาปรับใช้ ก็เลยรู้สึกว่าทุกอย่างมันง่ายขึ้น

Boy: หลังจากคอร์ส Logical Communication แล้วทางคุณหลีมีคอร์สอบรมหรือทักษะ แบบไหนที่อยากจะพัฒนาเพิ่มขึ้นอีกมั้ยครับ?

Lee : อยากจะเสริมในเรื่องของการพัฒนา Mindset ในเรื่องของการทำงาน ไม่ว่าจะแผนกไหนก็ตาม หลีคิดว่าการมี Mindset ที่ดีในการทำงานตั้งแต่เช้า จะทำให้การทำงานของเราราบรื่น หรือสามารถเตรียมพร้อมกับอุปสรรคหรืออะไรต่างๆที่จะเข้ามาได้อย่างมีสติและสามารถผ่านไปได้ อีกเรื่องหนึ่งคือ Leadership ในเรื่องของการเป็นผู้นำ รุ่นพี่ในแผนกต่างๆจะสามารถชี้นำรุ่นน้องได้อย่างไร บางอย่างที่รุ่นน้องทำอาจจะยังไม่ถูกต้อง จะมีวิธีการพูดหรือโน้มน้าวอย่างไรให้ถูกวิธีและให้เขารู้สึกว่าไม่ได้ถูกบังคับ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในการทำงานไปในทิศทางที่ดีขึ้น

บรรยากาศการอบรม Logical Communication ของ NICHIBAN Thailand

Boy: ถ้าถามภาพรวมถึงการเทรนนิ่งแล้ว คุณหลีในฐานะ HR คิดว่าการเทรนนิ่งมีผลดีต่อองค์กรยังไงบ้างครับ?

Lee : เป็นผลดีมากๆค่ะ เพราะถ้าองค์กรให้ความสำคัญกับการเทรนนิ่ง แปลว่าองค์กรก็ให้ความสำคัญกับบุคคลากรเช่นกัน เพราะบุคลากรสามารถนำพาองค์กรไปในทิศทางที่ดี การเทรนนิ่งก็เหมือนเป็นการเติมความรู้ให้กับพนักงาน ทำให้พนักงานมีความรู้มากขึ้นแล้วสามารถนำไปปรับใช้กับการทำงานเพิ่มมากขึ้น เหมือนเราก็ต้องเพิ่มความรู้ปรับให้ทันโลกทุกวันนี้ บริษัทเองก็จะได้ผลประโยชน์ถ้าพนักงานสามารถปรับนำความรู้ที่ได้มาใช้ในงานเพิ่มขึ้น

สำหรับหลีเอง คิดว่าทรัพยากรณ์ที่สำคัญที่สุดจะเป็นเรื่องของบุคคลากรในองค์กร ยิ่งถ้าเรามีการลงทุนในการพัฒนาบุคคลากร ก็เหมือนเรากำลังเพิ่มมูลค่าให้กับสินทรัพย์ของบริษัทของเราเพิ่มมากขึ้น ในการอบรมภายนอกก็จะทำให้เราได้พบปะกับผู้คนต่างบริษัท มีการแลกเปลี่ยนความคิดซึ่งกันและกัน ประสบการณ์ตรงนี้ก็สามารถนำมาปรับใช้ภายในองค์กรเราได้

    เกี่ยวกับการสัมมนาออนไลน์

Boy: คิดว่าการอบรมออนไลน์ มีข้อดีข้อเสียอย่างไร?

Lee : หลีคิดว่ามีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีก็เรื่องของการลดความเสี่ยงต่างๆ เช่นโควิดในช่วงนี้ ซึ่งการเรียนออนไลน์ก็ยังสามารถช่วยพัฒนาความรู้ให้กับพนักงานได้แม้ในช่วงที่ไม่ค่อยปลอดภัย ยังมีการสื่อสารแบบเรียลไทม์ คือมีการสื่อสารพูดคุย ถามตอบกันผ่านทางออนไลน์ได้ ในส่วนของข้อเสีย ก็จะเป็นในเรื่องของเทคนิคต่างๆ เช่น คอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต อาจจะทำให้มีปัญหาบ้าง ผู้ที่ไม่ค่อยถนัดในด้านนี้ก็อาจจะต้องใช้เวลาในการเซ็ตอัพซึ่งอาจจะทำให้เสียเวลาไป

สิ่งที่เราควรเตรียมพร้อมสำหรับการเรียนออนไลน์ คือ สำหรับผู้เรียนเอง ก็ควรเลือกสถานที่ที่เราจะเรียนว่าเหมาะสมมั้ย ทำให้เรามีสมาธิได้มั้ย มีการเซ็ตอัพระบบต่างๆ เทสระบบการเรียนว่าพร้อมสำหรับการเรียนแล้วหรือไม่ ทางผู้ให้การอบรมเองก็อาจจะมีการให้คำแนะนำก่อนเรียนว่าผู้เรียนควรจะเตรียมตัวอย่างไรเพื่อให้การเรียนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

Boy: จุดเด่นที่ทำให้คอร์สออนไลน์ของHRIแตกต่างจากที่อื่น?

Lee : นอกจากเรื่องของเนื้อหาแล้ว การเรียนออนไลน์เป็นการอบรมในรูปแบบใหม่ ที่สามารถให้ทุกคนเข้าร่วมWorkshop แบ่งกลุ่มต่างๆ ทำได้เหมือนเราอบรมจริง เป็นการเรียนที่มีการสื่อสารหลายทางทำให้เรารู้สึกสนุกกับการเรียนไปด้วย ที่สำคัญคือในยุคโควิด เราไม่ต้องออกไปเสี่ยงโรคและเรียนรู้ได้ที่บ้านของเรา

Boy: ทางคุณหลีเองมีการติดตามผลการเรียนแบบออนไลน์แตกต่างจากการเรียนทั่วไปมั้ยครับ?

Lee : อาจจะไม่ได้แตกต่างมาก ก็มีการดูระหว่างอบรม ถาม Feedback แล้วก็มาดูมาคุยกันว่ามีอะไรต้องนำมาปรับปรุงได้บ้าง รวมไปถึงดูจากการปรับตัวต่างๆ จากการเรียนไปแล้วว่ามีการพัฒนาไปในทิศทางอย่างไรบ้าง ตรงงกับที่เราวางแผนไว้ก่อนหรือไม่

Boy: ในอนาคตคิดว่าคอร์สอบรมออนไลน์จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นมาสำหรับการอบรมของNICHIBAN หรือไม่

Lee : คิดว่าถ้าเป็นช่วงโควิดนี้ คิดว่าจะมีบทบาทมากขึ้น เพราะเรายังคงเรียนได้ ยังสามารถถามตอบกับผู้สอนได้ตามปกติ นี่คือข้อดีของการเรียนแบบออนไลน์

ขอขอบคุณคุณหลี ที่ร่วมพูดคุยกับเราในครั้งนี้ด้วยครับ!

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า