ในช่วงที่ผ่านมา เราได้มีโอกาสดีที่ได้เข้าสัมภาษณ์ผู้เข้าร่วมอบรมจากทาง Kanematsu Thailand
ในคอร์ส Cross culture, Empower thinking และ Time management
แต่ละท่านจะมาเล่าถึงประสบการณ์การอบรมและความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายในองค์กร
ตำแหน่ง Sales Staff
ทำงานที่ Kanematsu Thailand : 8 ปี
ตำแหน่ง Accountant Staff
ทำงานที่ Kanematsu Thailand : 1.4 ปี
คุณเต้ย : ก็มีบ้างครับ ทางบริษัทก็พยายามจัดให้ แต่ก็ไม่ได้มาก
คุณพลอย : ส่วนตัวพลอยเพิ่งได้เข้ามาร่วมงานกับทาง บริษัท Kanematsu Thailand ได้ปีเดียว ยังไม่มีการจัดการอบรมค่ะ
คุณเต้ย : ผมก็รู้สึกดีครับ เพราะผมคิดว่าการอบรมเป็นส่วนหนึ่งของการทำงาน สามารถช่วยในการพัฒนาความคิดของเราได้ดี
คุณพลอย : ไม่เคยผ่านการอบรมมาก่อนค่ะ ถ้าถามว่ารู้สึกอย่างไร แรกๆก็ยังไม่เข้าใจว่าการอบรมคืออะไร อบรมไปเพื่ออะไร แต่พอเราได้เข้าอบรมก็รู้สึกดีค่ะ ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีค่ะ และก็สามารถเอามาใช้กับการทำงานได้
คุณเต้ย : ก่อนอบรมไม่ค่อยรู้ แต่หลังจากอบรมก็เข้าใจ
คุณเต้ย : ก่อนการอบรมเราก็ทำงานแบบปกติ คิดและแก้ปัญหาในรูปแบบที่เราสามารถทำได้ แต่พอได้มีการอบรม ทำให้เรามองเห็นว่าตัวเราเองมีปัญหาในมุมไหน อะไรที่เราจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงให้ดีขึ้น เราสามารถเอาเนื้อหาจากการอบรมมาใช้ได้
คุณพลอย : ส่วนตัว แรกๆคิดว่ายังมองปัญหาตัวเองไม่ชัด พอได้มาอบรมก็เริ่มมองเห็นแนวทางว่าเรามีจุดบกพร่อง เรามีปัญหาตรงไหนบ้าง และพอเอาเนื้อหาจากการอบรมมาใช้ สามารถเอาไปปรับปรุงการทำงานได้จริงๆ
คุณเต้ย : ข้อแตกต่างใหญ่ ข้อนึง คือ ที่นี่มีแบบฝึกหัดก่อนและหลังการอบรมครับ คือที่อื่นเขาไม่มี เพิ่งเจอครั้งแรกเลยที่ว่าอบรมแล้วต้องมีการบ้าน มี Report
คุณพลอย : ส่วนตัวเคยออกไปอบรมด้านนอกเกี่ยวกับเนื้อหางาน จะเป็นการอบรมแบบกลุ่มใหญ่นั่งฟังอย่างเดียว แต่การอบรมของ HRI เราอบรมเป็นกลุ่มเล็กๆ เพราะฉะนั้นเหมือนเป็นการอบรมแบบตัวต่อตัว สามารถโต้ตอบกันได้เลย ถามวิทยากรได้เลย และดีที่มีกิจกรรมด้วย ก็ทำให้ไม่น่าเบื่อด้วย รวมไปถึงในการอบรมจะมี workshop ทำเกี่ยวกับเนื้อหาตลอดเวลา ทำให้เราสามารถฝึกใช้ ได้ทันทีหลังจากทีเรียนจบในแต่ละหัวข้อ
คุณเต้ย : ก็ดีนะครับ เพราะว่ามันเหมือนกับ เรียนแล้วก็สามารถทดลองใช้ได้เลย ทำให้เข้าใจได้ดีมากขึ้น หลังจากเรียนเสร็จเอามา Review อีกทีหนึ่ง มันก็ช่วยๆกันเตือนได้
คุณพลอย : ตอนแรกก็แปลกใจว่าเรียนเสร็จต้องมีการบ้านด้วย แต่ว่าพอทำไปแล้ว และเรามา Review กับเจ้านาย กับหัวหน้า ก็เหมือนเป็นการทบทวนความคิดของเราไปด้วย ทางด้านของพลอยก็ยังส่งต่อการบ้านที่พลอยทำให้น้องๆ ในทีมด้วยได้ดูด้วย ทุกคนก็จะเห็นว่าเราไปทำอะไรมาเรียนอะไรมาก ก็ทำให้คนอื่นได้เรียนรู้ไปด้วย ทำให้คนอื่นๆ มีแนวคิดเกี่ยวกับงานมากขึ้น ตอนแรกๆก็คือไม่เข้าใจ แต่พอทำไปหลายๆครั้ง ก็เริ่มคิดว่ามันก็ดี เหมือนเราได้แชร์ประสบการณ์ ความรู้ให้คนอื่นไปด้วย
คุณเต้ย : ถ้าพูดถึง Process ตรงนี้ น่าจะพูดได้ว่า ทำให้เรารู้ใจหัวหน้ามากขึ้นว่าเขามองเรายังไง จากจุดที่เราไม่เคยรู้ ก็รู้และเข้าใจกันมากขึ้น
คุณพลอย : ใช่ค่ะ จริงค่ะ เวลาคุยก็เหมือนการเปิดใจ เพราะว่าแต่ละหัวข้อการบ้าน มันจะเจาะลึกกับงานที่เราทำอยู่ สิ่งที่เราตอบก็คืองานของเรา ก็เหมือนเราได้บอกหัวหน้าว่า งานของเรามันเป็นอย่างไร เกิดอะไรขึ้นบ้าง ก็เหมือนได้ทำความเข้าใจกัน พี่เขาก็เข้าใจในส่วนของเรามากขึ้น ทำให้เรากล้าที่จะสื่อสารมากขึ้น พอเรา Review เสร็จ พี่เขาก็ต้อง Review เรากลับ เขาก็จะพูดถึงว่า เราเป็นอย่างไรบ้าง ตรงไหนที่เราทำได้ดีแล้ว อะไรที่อยากให้เราปรับปรุงหรือพัฒนาเพิ่มเติม ประมาณนี้ค่ะ
คุณเต้ย : เข้าใจมากขึ้นระหว่าง Schedule กับ Planning ปกติที่ผมทำงาน ก็จะไปทาง Schedule มากกว่า เพราะเหมือนกับว่าต้องนัดลูกค้า อะไร อย่างไร แต่ถ้ามองภาพใหญ่ขึ้น คิดว่าน่าจะยังไม่พอ และพอรู้ว่ามันมีวิธี Planning อยู่ด้วย ก็สามารถเอาไป Apply ได้มากขึ้น และทำให้ Control เกี่ยวกับเวลา อะไรได้มากขึ้น คิดว่าช่วยได้เยอะเลย
คุณพลอย : ปรับเปลี่ยนในหลายด้านเลยค่ะ ปรับเปลี่ยนทางด้านมุมมองความคิดในการทำงาน เข้าใจภาพกว้างในการทำงานขององค์กรมากขึ้น และ รู้วิธีการทำงานร่วมกับคนอื่นมากขึ้น
คุณเต้ย : หลักๆที่ได้ประโยชน์เลยคือในเรื่อง HoRenSo คือรู้สึกว่าทำให้คุยกับฝ่ายตรงข้ามได้ดีมากขึ้น แล้วก็สรุปข้อมูลที่คุยกันเข้าใจง่ายขึ้น แล้วก็เหมือนมีการแลกเปลี่ยนกันได้มากขึ้น เอาจริงๆเมื่อก่อนผมเป็นคนที่เมื่อทำงานถึงระดับนึงแล้วค่อยแจ้งให้หัวหน้าทราบ แต่ถ้าเป็น HoRenSo คือต้องบอกถี่ขึ้น แต่บางทีผมก็รู้สึกว่า นี่ก็ถี่แล้วนะ แต่ญี่ปุ่นเขาถี่กว่า
คุณพลอย : เรื่องความคิดกับเรื่องการจัดลำดับความสำคัญของงาน และเรื่องของความคิดมีหัวข้อนึงคือ สภาวะการหยุดคิด รู้สึกว่าอันนี้มันตรงกับตัวเอง เช่นตอนนี้ตัวเองเพิ่งเปลี่ยนงานมาใหม่ใหม่ คือบางที งานมันอยู่ตรงหน้า แต่ว่าไม่เข้าใจกับงานนี้ แต่เหมือนจ้องมันอยู่เฉย ทั้ง ๆที่เราเหมือนกำลังคิด แต่ความจริงคือ หยุดคิดไปแล้ว และก็เลือกที่จะไม่ถาม ทีนี้พอหลังจากการอบรม พลอยคิดว่าต้องรู้ตัวเองมากกว่านี้ ถ้าไม่เข้าใจ ต้องถามความคิดคนอื่นเพื่อที่จะมาทำตัว Report ตัวนี้ให้เสร็จ ส่วนเรื่องการจัดลำดับด้วยที่มันเป็น Report ต้องดูว่า Report มันไปกระทบถึงใครบ้าง ดูความสำคัญว่าต้องส่งให้คนอื่นต่อมั้ย ถ้าใช่สำคัญกว่าอยู่แล้วก็จะลงมือทำก่อน พลอยก็จะจัดตัวที่มีผลกระทบกับคนอื่นงานนี้ให้มันเสร็จไปก่อน ส่วนงานที่เป็น Routine อันไหนถ้ารอได้ก็จะเอาไปทำทีหลัง
คุณเต้ย : ถ้ามองในอนาคต ก็น่าจะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องการวางตัวระหว่างหัวหน้ากับลูกน้อง คล้ายๆเหมือนกับ Human Resource Management การบริหารคน
คุณพลอย : เรื่องภาวะการเป็นผู้นำ การสื่อสารระหว่างภายในองค์ในของระดับต่างๆ
คุณเต้ย : ดีครับ เป็นโอกาสที่ได้ รวมกันกับเพื่อนในบริษัท ได้คุยกัน ทำ workshop รวมกัน ทำให้เราเข้าใจการทำงานกับเพื่อนๆต่างแผนกมากขึ้น รู้และเข้าใจในปัญหาของอีกฝ่ายพร้อมทั้ง ช่วยกันคิดเพื่อแก้ไขได้ การอบรมช่วยให้เราเปิดมุมมอง ความคิดต่อไปได้เรื่อยๆ
คุณพลอย : ดีมากนะคะ ก็คือมันสามารถนำมาปรับใช้ได้จริง สามารถนำเอาเนื้อหาการอบรมมาแบ่งปันความรู้ให้กับผู้อื่นได้อีก อยากให้มีการอบรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการพัฒนาความรู้ของตัวเองให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ
159/37 อาคารเสริมมิตรทาวเวอร์ ชั้นที่ 23
เลขประจำตัวผู้เสียภาษี : 0105562173254
Copyright © 2024 HRI (Thailand) Co.,Ltd. All rights reserved.
เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
ยอมรับทั้งหมด