ยา : เนื้อหาผมว่าก็ดี เข้าใจง่ายแล้วก็ค่อนข้างแปลกใหม่ เพราะว่าเนื้อหาส่วนนี้อาจจะไม่มีที่ไหนเขาจะนำเสนอในรูปแบบเฉพาะของ HRI ส่วนอาจารย์ก็สอนโอเค สิ่งที่ผมแปลกใจก็คือมันมี Pre-test แล้วก็มี Mid-test อบรมเสร็จก็ยังมีการบ้านอีกสองสามอย่าง ซึ่งที่อื่นมันไม่มีอย่างนี้ เวลาทำ test รู้สึกว่ามันได้คิดและก็ได้พัฒนาตัวเองอยู่ครับ เพราะต้องเข้าไปปรึกษาหัวหน้า พออบรมไปเรื่อยๆแล้วได้มีการไปคุยกับหัวหน้างานเรื่อยๆ มันก็ทำให้เรารู้ว่าตัวเราพัฒนาขึ้นเพราะว่าในสิ่งที่หัวหน้าคอมเม้นมันก็เริ่มลดน้อยลง แล้วก็ได้แนวความคิดจากผู้ใหญ่ว่า เออ… ในมุมมองเขา เขามองไปถึง อีก 5 ปีแล้ว อีก 30 ปี แล้วมันจะเป็นยังไง
เก๋ : ตอนแรกคิดว่าจะเหมือนกับการอบรมทั่วไป ต้องมานั่งฟังบรรยาย จดโน๊ตย่อ แต่พอได้เรียนจริงๆแล้ว ก็รู้สึกว่ามันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย เพราะว่าบรรยากาศในห้องเรียนเน้นการทำกิจกรรมแบบกลุ่ม เป็นการทำ Workshop ที่ให้ทุกคนได้แสดงความคิดเห็น แล้วก็แลกเปลี่ยนประสบการณ์ทำงานของตัวเองในแต่ละแผนก ทำให้เราได้เข้าใจและมองเห็น การทำงานของเพื่อนร่วมทีมอื่นๆ
แล้วก็ตัววิทยากรเอง ก็สนุกสนาน ทำให้บรรยากาศไม่น่าเบื่อ แล้วก็คอยถามไถ่ตลอดถึงความเข้าใจ มีการเน้นย้ำแล้วก็อธิบายเพิ่มเติม เพื่อให้เราเข้าใจจริงๆในเนื้อหาค่ะ รวมไปถึงยังมีแบบทดสอบ ทั้งก่อนเรียน ระหว่างเรียน และหลังเรียน เราเหมือนได้ทวนบทเรียนไปในตัวทำให้เราสามารถคิดออกได้ว่าเราจะนำไปใช้ ในงานตรงส่วนไหนของเรา ซึ่งในระหว่างการทำแบบทดสอบก็ต้องมีการนำไปพูดคุยกับหัวหน้า ซึ่งหัวหน้างานเองก็ช่วยชี้แนะ ทำให้เราเองก็ได้อะไรใหม่ๆ บางทีเราคิดอาจจะคิดแค่เบื้องต้น แต่ทางหัวหน้างานเขาแนะนำ ทำให้เราเห็นภาพได้กว้างมากขึ้น แล้วเราสามารถเอาไปใช้ได้ค่ะ ก็คิดว่าตรงนี้น่าจะเป็นจุดที่แตกต่างค่ะ ทำให้เรารู้ทิศทางในการนำมาใช้ประโยชน์ ได้มากยิ่งขึ้น
เก่ง : ตอนแรกก็คิดว่าแบบมาเรียนต้องเคร่งเครียดแน่เลย น่าจะแบบทฤษฎีแน่เลย แต่โปรแกรมที่ทาง HRI จัดให้ ผมถือว่าเป็น โปรแกรมที่นอกจากที่เราเรียนจริงๆแล้ว ยังได้ฝึกเรื่องของการคิดด้วย ฝึกเรื่องของการทำแบบฝึกหัดด้วย การอบรมแบบนี้คือการที่เราได้นำไปใช้จริงๆนะครับ เพราะมันไม่ใช่อบรมที่จบแล้วจบเลย จะมีการทำแบบฝึกหัดตลอด ตั้งแต่ก่อนเรียน ระหว่างเรียน และหลังเรียน แล้วก็ต้องมีการไปแชร์กับเพื่อนร่วมงานด้วย ผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยหรือปรึกษาหัวหน้างานด้วยนะครับ ผมมองว่าอันนี้เป็นสิ่งที่ดีมากเลยนะสำหรับผม ถ้าเราเรียนเพียงอย่างเดียวแต่เราไม่ได้ไปคุยกับใครเลย ไม่ได้เอาไปฝึกทำ ฝึกพูด ฝึกคิด หรือฝึกเอาไปปรึกษากับทางหัวหน้า มันก็อยู่ในหัวเราอย่างเดียว มันไม่ได้ออกมา ไม่ได้ถูกถ่ายทอดออกมา เพราะฉะนั้นผมจึงมองว่าเป็นการจัดโปรแกรมที่โอเคเลย ดีเลย มันได้ฝึกการนำไปใช้ได้จริงด้วย
เก่ง : อย่างที่เห็นได้ชัดเลยคือการทำเรื่องของ Slide Presentation นะครับ มีการทำ เล่าเรื่องตาม story เลย แบบที่เราได้เรียนมานะครับว่า เริ่มตั้งแต่การวิเคราะห์ปัญหา การดูเรื่องของประเด็นปัญหานะครับ การหาสาเหตุของปัญหาต่างๆนะครับ เป็นขึ้นเป็นตอน แล้วมันทำให้อย่างน้อยๆ มันทำให้เราได้เข้าใจมากขึ้น ได้วิเคราะห์มากขึ้น
เก๋ : เก๋สนเรื่องของ Team management เพราะว่าในทีมคนค่อนข้างเยอะ แล้วหน้างานของแต่ละทีมแตกต่างกันมาก ตั้งแต่ดู Analysis, Market research, Graphic design, booth and display, แล้วก็บุคลิกของแต่ละคนแต่ละทีมก็แตกต่าง การที่จะให้แต่ละคนสามัคคีทั้งทีม ทำงานร่วมกันได้ และทำงานอย่างมีความสุข อันนั้นเก๋ก็มองว่าอยากจะให้ทีมมีตรงนี้
เก่ง : ผมมองว่าอาจจะเป็นเรื่องของ Improvement skills และ development skills เรื่องของการปรับปรุงพัฒนางานนะครับ เพราะผมมองว่าหลังจากที่เราเรียนรู้เรื่องของ Problem solving ไปแล้ว มันคือเรื่องของการแก้ไขปัญหานะครับ ทีนี้เรื่องของการแก้ไขปัญหาผมเชื่อว่าปัญหามันก็จะมีเข้ามาเรื่อยๆนะครับ ดังนั้น Skill ในเรื่องของการปรับปรุงหน้างานของตัวเองหรือการ development ต่างๆนะครับ ผมมองว่ามันเป็นสิ่งสำคัญ ผมเชื่อว่างานทุกงานต้องมีการปรับปรุงตลอด ต้องมีการปรับปรุ่งอย่างต่อเนื่อง